[X-Man First Class Alex/Sean] It's an accident...? [Yaoi]
มันเป็นแค่อุบัติเหตุ.. สินะ
ผู้เข้าชมรวม
731
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
Alex Summers(Havok) รับบทในหนังโดย Lucas Till
Sean Cassidy(Banshee) รับบทโดย Caleb Landry Jones
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
[X-Man First Class Fic]
Title : It's an accident...?
Author : Gloom_Widow
Pairing : Alex Summers (Havok) x Sean Cassidy (Banshee)
Rate : PG
Warning : Yaoi [Boy's Love]
Note : เรื่องนี้มันเกิดมาจากการสนองนี๊ดของผู้เขียนโดยเฉพาะ! ถ้าใครชอบก็ขอให้อ่านให้สนุกนะคะ ^^ (เรื่องทั้งหมดมันจุดประกายขึ้นตอนที่อเล็กซ์กระโดดลงจากเรือแล้วฌอนบินไปช่วยค่ะ! ฮ่าๆๆๆ เท่านั้นจริงๆ! แต่คนส่วนใหญ่เค้าจิ้นแฮงค์กับอเล็กซ์กัน =w=”)
ปล.ลงเรื่องนี้ไว้ในบลอคแล้ว แต่ยังไม่เคยเอามาลงเด็กดีเลย = v = ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ!
ปล2.คือจริงๆแล้วฌอนสูงกว่าอเล็กซ์นิดหน่อย แต่ในฟิคจะถือว่าตัวเล็กกว่านะคะ(เพิ่งสังเกตเห็นและขี้เกียจแก้ค่ะ!) เรื่องหน้าจะเอาความสูงจริงละ!!
=========================================
“สวนสัตว์?” เสียงหวานของร่างบางบนโซฟาบุกำมะหยี่หรูหราราคาแพงเอ่ยถามเสียงสูงราวกับไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน สองมือเล็กที่กำลังหมุนแก้วโคล่าเย็นเฉียบไปมานั้นชะงักกึก นัยน์ตาสีฟ้าใสมองคนถามอย่างประหลาดใจ
“นาย.. กับฉันเหรอ?” ฌอนชี้นิ้วเรียวไปทางเด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งอีกคนในห้อง ก่อนจะวกนิ้วกลับมาชี้หน้าตัวเอง
“ก็...” อเล็กซ์ไหวไหล่เบาๆ “ถ้านายไม่อยากไปฉันก็ไม่บังคับหรอกนะ.. ฉันไปชวนแฮงค์ก็ได้..” คำพูดของร่างสูงทำเอาคนฟังขำพรืด ฌอนรู้ดีว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าไม่ได้หมายความตามนั้นแต่อย่างใด เขาพยายามจินตนาการว่าหากอเล็กซ์ไปเที่ยวสวนสัตว์กับแฮงค์จริงๆแล้วมันอะไรจะเกิดขึ้น ไม่คนใดก็คนหนึ่งต้องโดนอีกฝ่ายโยนเข้าไปในกรงสิงโตแหงๆ
“นายคิดว่านายจะไปกับหมอนั่นได้จริงเรอะ?” คนตัวเล็กกว่าว่าพร้อมรอยยิ้มขบขันบนใบหน้าตกกระ แก้วน้ำใบเดิมถูกวางลงบนโต๊ะเล็กข้างตัวก่อนที่เจ้าตัวจะหันมาเช็ดผมตัวเองซึ่งยังไม่แห้งดีเบาๆ
“ไปน่ะไปด้วยกัน แต่ขากลับนี่ฉันไม่รู้” เด็กหนุ่มเอ่ยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะพลางเดินเข้าไปหยิบเครื่องดื่มสีเข้มของอีกคนมาดื่มด้วยท่าทีสบายๆแล้วนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกัน “สรุปนายจะไปมั๊ย? ถ้าไม่ชั้นจะได้เอาตั๋วไปให้คนอื่น หมดเขตพรุ่งนี้แล้วนะ” ดวงตาคู่คมมองร่างเล็กที่กำลังง่วนอยู่กับการขยี้ผมยุ่งๆของตัวเอง ก่อนใบหน้าหล่อเหลาจะคลี่ยิ้มบางๆ
“ยิ้มอะไรหา?” ฌอนเอ่ยถามเมื่อเงยหน้าขึ้นมาเจอเพื่อนตัวเองยิ้มค้างอยู่อย่างนั้น แต่เมื่อคนถูกถามเพียงแค่ยักไหล่ไม่ใส่ใจจะตอบ เขาก็กลับไปจดจ่อกับการเช็ดผมตัวเองต่อ
“ทำไมนายไม่ใช้ไดร์เป่าซะให้มันจบๆ แห้งเร็วกว่ากันตั้งเยอะ..” อเล็กซ์ถามขึ้นมาลอยๆ ไม่ได้สงสัยหรือใคร่รู้อะไรเป็นพิเศษ ร่างบางหาวปากกว้างจนน้ำตาไหลก่อนจะตอบน้ำเสียงงัวเงีย “ไม่เอา.. มันเสียงดัง”
คิ้วเรียวสีบลอนด์ขมวดฉับทันทีที่ได้ยิน เขาจะไม่ประหลาดใจเลยหากคำตอบมันมาจากคนธรรมดาสามัญผู้ซึ่งไม่สามารถบินร่อนไปมาได้ราวกับจากนกอินทรีโดนอาศัยเพียงพลังเสียงโซนิคในการพยุงตัว เสียงที่หมอนี่ตะโกนนั้นก้องกังวานจนทำเขาหูแตกเอาได้ง่ายๆ แต่เจ้าตัวกลับบอกว่าไม่ชอบไดร์เป่าผมเพราะมันเสียงดังเนี่ยนะ?.. ช่างฟังดูเป็นเหตุและเป็นผลเสียจริง...
“จะนั่งเหม่ออีกนานไหม? ฉันจะไปนอนแล้วนะ” ฌอนเอ่ยทักเพื่อนสนิทที่นิ่งไปกระทันหัน ร่างบางในเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงขาสั้นเสมอเข่ายืนรอเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันอีกคนอยู่ที่ซุ้มประตูโค้ง จากนั้นจึงออกตัวเดินนำไปเมื่อเล็กซ์หยัดกายลุกขึ้น
อเล็กซ์และเขาเลือกที่จะนอนห้องข้างกันเพราะทั้งโรงเรียนก็มีแค่พวกเขาที่เป็นเด็กผู้ชายวัยรุ่น กลางคืนเวลาจะดูบอลหรือหาคนคุยด้วยก็ไม่พ้นได้กันและกันเป็นเพื่อน แม้ว่าโดยมากแล้วอีกฝ่ายจะเป็นคนหอบผ้าหอบผ่อนมาหลับนอน เล่นเกม ดูหนังหรือแม้แต่กินขนมจุกจิกที่ห้องเขาก็ตามที ยังดีที่อย่างน้อยหมอนี่ก็ยังเอาสบู่แชมพูและเครื่องอาบน้ำของตัวเองมาด้วย เพราะเจ้าตัวชอบบ่นว่าแชมพูของเขากลิ่นเหมือนแชมพูผู้หญิง
“ฉันว่านายไปบอกชาร์ลเลยเถอะว่าจะย้ายมาอยู่ห้องเดียวกับฉัน เขาจะได้จัดการห้องนายให้มันเป็นห้องพักแขกไปซะ ไม่ใช่ว่ามีเจ้าของแต่ดันทิ้งร้างเอาไว้ปลูกเห็ดแบบนี้” ฌอนตะโกนบอกเพื่อนสนิทจากในห้องน้ำ สองมือเล็กกำลังเรียงก้อนสบู่กลิ่นเบอร์รี่ที่ซื้อมาตั้งทิ้งไว้ได้พักใหญ่แล้วเข้าชั้นวางข้างอ่างล้างหน้า แต่แล้วใบหน้าหวานก็มู่ทู่ลงเล็กน้อยเมื่อไร้ซึ่งเสียงตอบรับใดๆจากปลายทาง ร่างบางเอนตัวออกมาดูก็พบว่าเด็กหนุ่มผมบลอนด์ที่ไม่ยอมขานตอบเขานั้นกำลังนั่งกดจอยสติ๊กในมืออย่างเมามัน โดยมีภาพซอมบี้ในจอทีวีขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กพากันล้มตายสนองความสะใจคนเล่นเป็นฉากหลัง
ร่างเล็กถอนหายใจเฮือกก่อนจะโยนพลาสติกของแพ็คสบู่ทิ้งลงถังขยะแล้วเดินออกมาทิ้งตัวลงนั่ง “ตกลงจะไปรึเปล่า?” คนตัวสูงกว่าถามขึ้นโดยไม่หันมามอง
“เอาสิ.. ยังไงก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้วนี่”
“อืม..” เสียงทุ้มครางตอบรับในคอเบาๆแล้วหันกลับไปจดจ่อกับจอทีวีต่อ คนถูกทิ้งจึงทำได้เพียงนอนกลิ้งไปมาบนเตียงคิงไซส์ของตัวเองสลับกับการเชียร์เจ้าเด็กติดเกมอยู่เงียบๆ เวลาร่วมสามชั่วโมงนั้นวิ่งผ่านพวกเขาไปอย่างรวดเร็ว นาฬิกาตรงโถงทางเดินแว่วเสียงตีบอกเวลาตีสามครึ่งนั้นเรียกสติเด็กหนุ่มผมแดงให้กลับออกมาจากโลกของการยิง M-16 อัดหัวผีดิบตายซากได้สำเร็จ รวมทั้งทำให้เขาตระหนักได้ว่าหากอยากจะมีแรงเดินเที่ยวในวันพรุ่งนี้ก็ควรจะรีบไล่ทั้งตัวเองและเพื่อนอดีตนักโทษอีกคนข้างตัวไปนอนได้แล้ว
“นี่ ฉันว่าได้เวลาไปนอนแล้วล่ะ.. พรุ่งนี้คงไม่สนุกแน่ๆถ้าพวกเราไปในสภาพอดหลับอดนอนน่ะ” ปากไม่ว่าเปล่า แขนเรียวยันตัวเองลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปคว้าจอยสติ๊กในมือร่างสูงมาม้วนเก็บ ก่อนจะถอดปลั๊กเครื่องเกมคอนโซลออกโดยไม่คิดจะใยดีตัวเอกในเกมซึ่งกำลังโดนเหล่าซอมบี้รุมทึ้งเนื่องจากผู้ควบคุมการเคลื่อนไหวถูกยึดอำนาจ “ฉันเล่นมาสามชั่วโมงนะนั่นน่ะ..” อเล็กซ์ว่าน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายเมื่อตัวหนังสือ GAME OVER ปรากฏเด่นหราสง่าชัดขึ้นมา
“พูดอย่างกับนี่เป็นสามชั่วโมงแรกที่นายเล่นเกมนี้อย่างนั้นล่ะ” เสียงหวานเอ่ยตอบกลั้วหัวเราะก่อนจะสอดตัวเข้าไปใต้ผ้านวมผืนหนาบนเตียงหรูหรานุ่มนิ่มพลางตบมือแปะๆลงที่พื้นฟูกข้างตัว ร่างสูงในเสื้อกล้ามกับกางเกงนอนขายาวมองร่างเล็กด้วยความฉงน “ถึงฉันจะไล่นายไปนอนโซฟาอย่างทุกที พอตอนเช้านายก็มานอนบนเตียงอยู่ดีไม่ใช่รึไง?” ฌอนพูดทั้งๆที่ไม่ได้ลืมตามองผู้ร่วมบทสนทนา ใบหน้าตกกระซุกลงกับผ้าห่มผืนยักษ์เนื่องจากอากาศเย็นกลางฤดูใบไม้ผลิ สิ่งสุดท้ายที่ร่างบางรู้สึกได้ก่อนจะผลอยหลับไปก็คือแรงยวบบนเตียงนุ่มตามน้ำหนักคนที่ก้าวขึ้นมา จากนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็มืดลง
===============================
“อเล็กซ์! ตื่นได้แล้ว!” เสียงใสคุ้นหูดังทะลุความฝันอันลางเลือนของเขาเข้ามาพร้อมกันกับแสงเจิดจ้าที่สาดผ่านเปลือกตาจนต้องเบ้หน้า อเล็กซ์ไม่ใคร่จะชอบการตื่นมารับลมยามเช้าหรืออะไรทำนองนี้เท่าไรนัก โดยเฉพาะวันว่างที่ไม่มีการฝึกฝนอย่างวันนี้ คิดได้ดังนั้นมือหนาก็เอื้อมไปคว้าหมอนนุ่มนิ่มข้างตัวมาปิดหน้า
หอม...
นั่นคือสิ่งเดียวที่เขาคิดได้เมื่อสูดลมหายใจผ่านหมอนขนนกใบโปรดของเด็กหนุ่มอีกคนในห้อง แน่นอน เขาจำได้ดีว่ามันคือกลิ่นเดียวกันกับแชมพูที่ครั้งนึง เขาเคยดมจากขวดพลาสติกสีฟ้าใสในห้องอาบน้ำแล้วบ่นกับเจ้าตัวว่ามันกลิ่นเหมือนแชมพูผู้หญิง
“ตื่นซี่!! จะไปสวนสัตว์ไม่ใช่เหรอ!? สิบเอ็ดโมงแล้วนะโว้ย!” เสียงๆเดิมยังคงดังขึ้นเจื้อยแจ้ว เขารู้สึกได้ถึงแรงเขย่าที่ไม่เบาจากมือของเด็กหนุ่ม จึงส่งเสียงจึ๊กจั๊กในลำคอด้วยความขัดอดขัดใจ
“ไม่ตื่นชั้นจะแหกปากใส่หูนายจริงๆนะ!” คำขู่สุดท้ายได้ผลชะงักนักเมื่อร่างปราดเปรียวกำยำเด้งผึงลุกจากเตียงรวดเร็วอย่างกับโดนไฟลน ใบหน้าหล่อเหลาหงิกงอไม่สบอารมณ์มองไปยังเพื่อนตัวดีที่ยืนหัวเราะร่าอยู่ปลายเตียง ฌอนเลือกจะใส่เสื้อกล้ามสีขาวทับด้วยเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนแขนยาวที่พับทบจนถึงศอกกับกางเกงยีนส์ตัวเก่ง ใบหน้าหวานตกกระยิ้มกว้างกับชัยชนะของการปลุกคนขี้เซาตรงหน้าได้สำเร็จ
“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว”
ฝ่ายคนเพิ่งตื่นทำได้เพียงเกาหัวแกรกๆแล้วลุกจากเตียงเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างว่าง่าย เถียงไปก็ใช่ที่ โดนตะโกนใส่หูกลับมาล่ะตายพอดี...
หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ ร่างสูงโปร่งก็ถอดเสื้อนอนตัวเองออกรวดเดียวหน้ากระจกอ่างล้างหน้าแล้วโยนมันลงตะกร้าผ้าที่ใกล้ล้นข้างประตู นัยน์ตาสีเทาจะไล้มองเรือนร่างท่อนบนของตัวเองอย่างเพ่งพินิจ มือหนาจับหน้าท้องที่เป็นสันกล้ามนูน บางทีเขาน่าจะหัดฟิตกล้ามมากกว่านี้
“นายจะจับท้องตัวเองอีกนานมั๊ย? ถ้าหิวก็รีบเข้า จะได้ไปกินข้าวเช้ากัน..” ฌอนที่ยืนมองเขาจากประตูห้องน้ำเอ่ยขึ้น เขาจึงถือโอกาสถาม “นายว่ากล้ามหน้าท้องฉันน้อยไปรึเปล่า” ปากไม่ว่าเปล่า ร่างสูงหันไปหาผู้มาใหม่ให้มองเห็นชัดๆ
ฌอนมองลำตัวที่ไม่ได้แกร่งกำยำล่ำราวกับชายอกสามศอก แต่ก็เต็มไปด้วยมัดกล้ามต่างกับเด็กหนุ่มวัยรุ่นทั่วไปอย่างทึ่งๆ ไม่รู้ว่าเพราะฮีทเตอร์ในห้องนั่นถูกเปิดร้อนไปหรืออย่างไร ร่างบางรู้สึกได้ถึงใบหน้าและลำคอที่ร้อนวาบราวกับมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านกระทันหัน “อ่ะ..ฉันว่า..มันก็ดูดีแล้วนี่นา... ฉะ..ฉันไปที่ครัวก่อนนะ นายรีบตามมาแล้วกัน!” นัยน์ตาสีฟ้าเสหลบดวงตาคู่คมที่มองมาอย่างสงสัย ไม่รอให้อีกคนได้อ้าปากเอ่ยถามอะไรต่อ สองขาเรียวก็รีบพาตัวเองออกจากห้องพักทันที
ฝ่ายคนที่ถูกทิ้งไว้ในห้องน้ำนั้นยังคงจับต้นชนปลายอะไรๆไม่ได้เลยสักอย่าง แต่แล้วเสียงท้องร้องก็เรียกสติเขากลับมา เด็กหนุ่มตระกูลซัมเมอร์สจึงจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้ใครอีกคนต้องหัวเสียกับการรอคอยไปมากกว่านี้..
==========================================
ทางเข้าสวนสัตว์ในวันอาทิตย์นั้นเป็นไปอย่างที่เขาทั้งคู่คาดคิด ผู้คนเดินกันขวักไขว่ซึ่งส่วนมากก็เป็นครอบครัวที่มีลูกเล็กเด็กแดงวิ่งกันวุ่น วัยรุ่นกลุ่มใหญ่ยืนออจอแจอยู่ที่ป้ายรถเมล์ลามมาจนเกือบถึงจุดขายตั๋ว ฌอนเดาเอาว่าเด็กพวกนี้คงมาทัศนศึกษากับโรงเรียนเพราะทุกคนดูจะตั้งใจฟังหญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่หน้าสุดพูดอะไรบางอย่างเหลือเกิน
อเล็กซ์แทบจะเหวี่ยงวงแหวนพลังของตัวเองใส่ไอ้ยามบ้าที่มองพวกเขาสองคนด้วยสายตาสุดเคลือบแคลงสลับกันไปมาเมื่อเขายื่นตั๋วสวนสัตว์สองใบให้ นี่มันคิดว่าเขากับฌอนเป็นคู่เกย์ที่มาใช้เวลาวันหยุดแสนหวานด้วยการมาเดินดูสิงโตสองตัวอึ๊บกันแล้วต่อด้วยการเดินกุมมือโอบเอวเข้าไปจู๋จี๋จ้ำจี้ในอันเดอร์วอเตอร์เวิร์ลหรือไง!?
หลังผ่านจุดขายตั๋วเข้ามาข้างในร่างสูงโปร่งก็ประจักษ์ว่าไอข้างหน้านั่นน่ะมันแค่ส่วนน้อย เพราะตอนนี้คาเฟ่มากมายรวมทั้งร้านขายของที่ระลึกรอบตัวนั้นแน่นขนัดคลาคล่ำไปด้วยผู้คนทุกเพศทุกวัย เด็กตัวเล็กตัวน้อยพากันยืนต่อแถวยาวเหยียดรอถ่ายรูปกับมาสคอตเสือขาวตัวเบอเร่อหน้าน้ำพุหินอ่อนขนาดใหญ่ อเล็กซ์เบ้หน้าเมื่อเด็กประถมสี่ห้าคนวิ่งผ่านหน้าไปอย่างรวดเร็วจนหนึ่งในนั้นแทบจะชนเขาเข้า เพราะอยู่ในคุกคนเดียวมานาน การออกไปเผชิญฝูงชนจำนวนมากๆจึงทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวเท่าไรนัก แต่ก็เดินตามร่างบางที่ดูจะร่าเริงกว่าไปเงียบๆ
“นายอยากจะดูอะไรก่อน? สิงโต? หมีขาว?” ร่างสูงที่กำลังเดินไล่หลังเอ่ยถามด้วยเสียงทุ้มอันเป็นเอกลักษณ์พลางไล่นิ้วไปตามแผนที่สวนสัตว์
“เดินไปเรื่อยๆก็ได้มั้ง...” คนถูกถามตอบโดยไม่หันมามอง นัยน์ตาสีฟ้าสวยกำลังเพ่งนกฟลามิงโก้อย่างสนใจใคร่รู้ มือเล็กยกกล้องถ่ายรูปขึ้นกดชัตเตอร์อย่างรวดเร็วเมื่อสิ่งมีชีวิตสองตัวหันหน้าเอาหัวชนกันเป็นรูปหัวใจ
“เอางั้นเหรอ?... ”
“นายอยากดูอะไรเป็นพิเศษรึไง?” ฌอนหันหน้ากลับมาถามเพื่อนสนิทที่ยังไม่ละสายตาจากกระดาษแผ่นใหญ่ ในใจนึกสงสัยว่าแผนที่สวนสัตว์มันจะมีอะไรน่าพิศวงงงงวยนักหนา อีกฝ่ายถึงได้ทำหน้ายุ่งมุ่นคิ้วจนแทบผูกเป็นโบว์เสียขนาดนั้น “ก็ไม่เชิงหรอก” คนตัวสูงกว่าตอบพลางไหวไหล นัยน์ตาสีขุ่นจับจ้องอยู่ ณ จุดเดิมบนแผ่นพับ
“อันไหน?” เด็กหนุ่มผมน้ำตาลแดงเอ่ยถามแล้วเดินไปชะเง้อดูแผนที่สวนสัตว์
“อันนี้ไง มันมีโชว์ปลาโลมาตอนบ่ายสาม...” นิ้วเรียวชี้ไปที่รูปสี่เหลี่ยมสีฟ้าอ่อนในกระดาษพลางเงยหน้าขึ้นแล้วหันไปข้างตัวหวังจะเรียกอีกคนมาดู เพราะไม่ทันได้รู้ตัวว่าร่างเล็กคู่สนทนานั้นเดินเข้ามายืนดูอยู่แล้วปลายจมูกโด่งจึงเฉียดโดนแก้มนิ่มอย่างไม่คาดคิด นัยน์ตาสีควันเบิกโพลงอย่างตื่นตระหนกก่อนจะรีบถอยห่างออกทันทีที่ได้สติ
“ทะ..โทษที!” อเล็กซ์เอ่ยตะกุกตะกัก ก่อนจะขมวดคิ้วเครียดแต่เมื่อฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า จะขอโทษไปทำพระแสงอะไรวะ?
“อะ...อือ.. ชะ..ช่างมันเถอะ...” ฌอนตอบตะกุกตะกัก รู้สึกได้ถึงแก้มซ้ายขวาที่ร้อนวาบ แต่ก็พยายามจะไม่เก็บมันมาใส่ใจให้ว้าวุ่น มันก็แค่อุบัติเหตุ.. แต่ทำไมใจเขาถึงได้เต้นแรงขนาดนี้ล่ะ? มือซีดยกขึ้นกุมหน้าอกข้างซ้ายด้วยความตื่นตระหนก ปากสีชมพูสวยสบถเบาๆอย่างไม่เข้าใจตัวเอง
และแล้วความเงียบที่ก่อกำเนิดขึ้นมาในเวลาชั่ววินาทีก็ขยายร่างแตกตัวเข้าปกคลุมพวกเขาทั้งคู่อย่างรวดเร็ว ไม่มีซุ่มเสียงใดๆเล็ดรอดออกมาจากปากของคนทั้งสอง ฌอนทำได้เพียงแค่แสร้งว่าตัวเองกำลังสนอกสนใจนกกระยางตัวเบ้งกระเดือกปลาลงคออย่างเอาเป็นเอาตาย ในขณะที่อเล็กซ์ก็กางแผนที่สวนสัตว์ขึ้นดูอีกรอบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น และดูเหมือนเจ้าตัวดูจะไม่ได้สังเกตเลยว่ากระดาษในมือนั้นมันกลับหัวอยู่...
=============================================
ตัดจบแบบงงๆ.. = w = ฮ่าๆๆๆๆๆ
ผลงานอื่นๆ ของ Gloom Widow ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Gloom Widow
ความคิดเห็น